Blog

McKinsey เปิดข้อมูล AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านความรู้ (Knowledge Work) ได้มากถึง 40%

ความท้าทายในยุค Knowledge Work

ในยุคที่การแข่งขันเปลี่ยนจากการใช้ทรัพยากรเชิงกายภาพสู่นวัตกรรมความรู้ (Knowledge work) ตัวเลขจาก McKinsey ชี้ชัดว่า Generative AI สามารถเพิ่ม ผลผลิต (Productivity) ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในงานที่ใช้ภาษาเป็นหลัก เช่น การเขียนเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล และการตอบลูกค้า บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า ฟังก์ชัน AI ใดใช้ได้จริง พร้อมกรณีศึกษาจากองค์กรระดับโลก

ภาพรวมจาก McKinsey: AI คือเครื่องทวีคูณมูลค่าเศรษฐกิจ

  • รายงาน The Economic Potential of Generative AI: The Next Productivity Frontier ระบุว่า Generative AI สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้สูงถึง 2.6–4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี จาก 63 use cases ใน 16 ฟังก์ชันงาน เมื่อรวมกับ AI และ analytics แบบดั้งเดิม อาจสร้างมูลค่าเพิ่มอีก 15–40%

  • ฟังก์ชันหลักที่สร้างมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ Customer Operations (การตอบลูกค้า), Marketing & Sales (การสร้างเนื้อหาการตลาด), Software Engineering (การเขียนโค้ด) And R&D (การวิจัยและพัฒนา)


ฟังก์ชันที่สร้าง Productivity Boost ได้จริง

  1. การเขียนเอกสาร (Document Generation)

    • งานวิจัยพบว่า AI ช่วยให้งานมี คุณภาพเพิ่มขึ้นกว่า 40% และประหยัดเวลาอย่างมาก ทั้งการระดมไอเดีย วิเคราะห์ และสรุปเป็นเอกสาร

  2. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis & Insights)

    • พนักงานที่ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และแก้ปัญหา มี productivity เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% โดยเฉพาะกลุ่มที่มีประสบการณ์น้อยได้รับประโยชน์มากที่สุด

  3. การตอบลูกค้า (Customer Support)

    • การใช้ generative AI assistant ทำให้พนักงานตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น โดยกว่า 40% ของพนักงาน ใช้งานเครื่องมือนี้เป็นประจำในช่วงการทดสอบ

  4. การเขียนโค้ด (Code Writing)

    • การ Refactor, เขียนโค้ดใหม่ หรือจัดทำเอกสารโค้ด ใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวเมื่อใช้ Generative AI ทั้งยังมีผลวิจัยจาก GitHub Copilot ที่พบว่า productivity ของนักพัฒนาเพิ่มขึ้นกว่า 55%

กรณีศึกษาจริงจากองค์กรระดับโลก

  • McKinsey (การใช้งานภายใน)
    บริษัทใช้ chatbot ภายในชื่อ “Lilli” ซึ่งดึงข้อมูลจากคลังความรู้กว่า 100 ปี พนักงานที่ปรึกษากว่า 70% (~45,000 คน) ใช้งานเฉลี่ย 17 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำให้การค้นคว้า การสรุปเอกสาร และการวิเคราะห์ข้อมูล ประหยัดเวลาได้ถึง 30%

  • บริษัทระดับโลกในอุตสาหกรรม Customer Support
    การใช้งาน generative AI Assistant ทำให้ Productivity ของพนักงานเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 15% และส่งผลให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีขึ้น พร้อมลดปัญหาการ Escalations ลงได้อย่างเห็นผล


ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง

  • เขียนเอกสาร: คุณภาพดีขึ้น >40% และทำงานได้รวดเร็วขึ้นอย่างชัดเจน

  • วิเคราะห์ข้อมูล/ตอบลูกค้า: Productivity เพิ่มขึ้น ~15% ทั้งด้านความเร็วและคุณภาพ

  • จัดการอีเมล/เอกสารทั่วไป: ประหยัดเวลา และมีการใช้งานต่อเนื่องมากกว่า 40% ของพนักงาน

  • เขียนโค้ด / Refactor: ใช้เวลาน้อยลง ~50–55% เมื่อเทียบกับวิธีการเดิม

บทสรุป

จากรายงาน McKinsey และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่า Generative AI สามารถสร้าง ผลผลิตที่จับต้องได้จริง โดยเฉพาะในงานด้าน การเขียนเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล และการตอบลูกค้า สิ่งเหล่านี้ชี้ให้ผู้บริหารเห็นว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็น กลยุทธ์เชิงรุก ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรได้อย่างแท้จริง

ติดตามข้อมูลเชิงลึกและแนวทางการประยุกต์ใช้ AI ในองค์กร (พร้อมเคสจริง) จากเรา เพื่อก้าวสู่การใช้ AI ในฐานะเครื่องทวีคูณผลิตภาพ (Productivity Amplifier) ที่ช่วยให้องค์กรของคุณแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

Table of Contents

คุณยศธร วงษ์เสรี - ทอท

CEO & Co-Founder the company of interest limited

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *