ในโลกการทำงานยุคใหม่ที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ องค์กรจำนวนมากกำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ในการปรับวิธีการทำ Performance Review ให้สอดคล้องกับการทำงานที่เปลี่ยนไป การประเมินผลงานแบบเดิมที่เน้นเพียงปริมาณและคุณภาพของงานอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะ AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่คนเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วย “ขยายศักยภาพ” ของคนทำงานได้มหาศาล คำถามคือ…องค์กรจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ใช้ AI ได้คุ้มค่าจริง? บทความนี้จึงขอนำเสนอ 5 Metric สำคัญ ที่ช่วยผู้บริหารและหัวหน้าทีมวัดผลได้อย่างมีมิติและชี้ชัดว่าใครคือ “ตัวจริง” ในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่า


ทำไม Performance Review ต้องปรับตัวในยุค AI
Performance Review แบบเดิมมักพิจารณาจาก KPI, OKR, หรือ Target ที่ตั้งไว้ แต่เมื่อ AI เข้ามา ความสามารถของพนักงานไม่ได้วัดกันแค่การทำงานหนักหรือความรวดเร็วอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การรู้จักใช้เครื่องมือใหม่เพื่อสร้างผลงานที่ดีกว่า
ตัวอย่างเช่น หัวหน้าทีมที่ใช้ ChatGPT ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล อาจทำให้ทีมตัดสินใจได้เร็วขึ้น หรือพนักงานที่นำ AI มาช่วยจัดการงานเอกสาร สามารถลดเวลาในงาน Routine แล้วเอาเวลาไปสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ สิ่งเหล่านี้ควรถูกนำมาพิจารณาในการประเมินผลงานด้วย
5 Metric สำคัญในการวัดคุณค่าการใช้ AI
1. AI Adoption Rate
นี่คือ ตัวชี้วัดการนำ AI มาใช้จริง วัดว่าในแต่ละเดือนพนักงานใช้เครื่องมือ AI บ่อยแค่ไหน และนำไปประยุกต์กับงานใดบ้าง ไม่ใช่เพียงการทดลอง แต่คือการใช้จริงที่มีผลลัพธ์ เช่น การใช้ ChatGPT เขียนรายงานเบื้องต้น หรือการใช้ AI ด้าน Data Analysis เพื่อหาความเชื่อมโยงของข้อมูลเชิงลึก
👉 เกณฑ์การวัด: จำนวนครั้งที่ใช้ AI ต่อสัปดาห์, สัดส่วนงานที่ใช้ AI เสริม
2. Output per Hour
Productivity ไม่ได้ขึ้นกับจำนวนชั่วโมงทำงานอีกต่อไป แต่ขึ้นกับว่า ใช้เวลาที่มีได้คุ้มค่าเพียงใด คนที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถสร้างผลงานมากขึ้นในเวลาที่เท่ากัน เช่น การใช้ ChatGPT สร้างโครงร่างบทความภายในไม่กี่นาที แทนที่จะใช้เวลาหลายชั่วโมง
👉 เกณฑ์การวัด: ปริมาณงานที่เสร็จสมบูรณ์ต่อชั่วโมง, เปรียบเทียบก่อนและหลังใช้ AI
3. Innovation Index
เมื่อ AI เข้ามาช่วยจัดการงาน Routine สิ่งที่ควรโฟกัสคือ ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ พนักงานที่ใช้ AI ได้ดีควรนำเวลาที่เหลือไปพัฒนาโครงการใหม่ ๆ สร้างไอเดีย หรือคิดวิธีการทำงานที่แตกต่าง เช่น นำ ChatGPT มาช่วยระดมสมองหากลยุทธ์การตลาดใหม่
👉 เกณฑ์การวัด: จำนวนไอเดีย/โครงการใหม่ต่อไตรมาส, คุณภาพและความเป็นไปได้ของนวัตกรรม
4. Collaboration Efficiency
AI ไม่ได้ช่วยเฉพาะการทำงานคนเดียว แต่ยังเสริมพลังการทำงานเป็นทีม เช่น ใช้ ChatGPT สรุปประเด็นการประชุม ทำให้ทีมเข้าใจตรงกันเร็วขึ้น หรือใช้ AI สร้างเอกสารอัตโนมัติ เพื่อลดการแก้ไขซ้ำซ้อน
👉 เกณฑ์การวัด: เวลาประชุมที่ลดลง, จำนวนรอบการแก้ไขงาน, ระดับความพึงพอใจของทีม
5. Decision Speed & Accuracy
หนึ่งในจุดแข็งของ AI คือการช่วยให้ ตัดสินใจได้เร็วและแม่นยำขึ้น ผู้ที่ใช้ AI ได้อย่างมีคุณค่า มักใช้ข้อมูลจาก AI มาเป็นฐานประกอบการตัดสินใจ เช่น ใช้ ChatGPT วิเคราะห์ข้อมูลตลาดก่อนวางแผนกลยุทธ์
👉 เกณฑ์การวัด: ระยะเวลาเฉลี่ยในการตัดสินใจ, ความแม่นยำของผลลัพธ์หลังการตัดสินใจ


ตัวอย่างการนำ Metric ไปใช้จริง (ChatGPT Case Study)
สมมติว่าทีมการตลาดในองค์กรเริ่มใช้ ChatGPT เข้ามาช่วย
AI Adoption Rate: ทีมใช้ ChatGPT ใน 70% ของการเขียนแคมเปญ
Output per Hour: เวลาในการเตรียมคอนเทนต์ลดลงจาก 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 2 ชั่วโมง
Innovation Index: เกิดไอเดียการตลาดใหม่ ๆ เช่น การใช้ Personalized Content Campaign
Collaboration Efficiency: เอกสารแผนงานที่ต้องแก้ไขซ้ำ ลดลงกว่า 50%
Decision Speed & Accuracy: ทีมสามารถสรุปกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เร็วขึ้นถึง 3 เท่า และผลตอบรับจากลูกค้าดีขึ้น
ผลลัพธ์นี้สะท้อนว่า ChatGPT ไม่ได้แค่ช่วยให้ทำงานเสร็จเร็ว แต่ยังยกระดับคุณภาพการตัดสินใจและการทำงานร่วมกันทั้งทีม
ผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับ
เมื่อองค์กรปรับการประเมินผลโดยใช้ Metric ทั้ง 5 จะได้ประโยชน์ดังนี้:
มองเห็นชัดว่าใครคือ Talent ที่ใช้ AI ได้อย่างคุ้มค่า
ลด Bias ในการประเมิน เพราะวัดจากผลลัพธ์ที่จับต้องได้
กระตุ้นให้พนักงานทุกคนปรับตัวและเรียนรู้การใช้ AI
องค์กรมีนวัตกรรมมากขึ้น และตัดสินใจได้เร็วขึ้น
สรุปและข้อแนะนำสำหรับผู้บริหาร
Performance Review ยุค AI ไม่ควรวัดเพียงความขยันหรือความพยายาม แต่ต้องวัดว่า ใครสามารถใช้ AI เพื่อสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ได้จริง ด้วย 5 Metric ที่แนะนำ ได้แก่:
AI Adoption Rate
Output per Hour
Innovation Index
Collaboration Efficiency
Decision Speed & Accuracy
องค์กรที่นำแนวทางนี้ไปใช้ จะไม่เพียงแค่ประเมินผลงานได้แม่นยำขึ้น แต่ยังสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ก้าวทันอนาคต และใช้ศักยภาพของคนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างเต็มที่
👉 หากคุณคือผู้บริหารหรือหัวหน้าทีม ถึงเวลาแล้วที่จะลองปรับ Performance Review ขององค์กรคุณให้เข้ากับ ยุค AI เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และดึงศักยภาพสูงสุดจากทีมของคุณ
Table of Contents


คุณยศธร วงษ์เสรี - ทอท
CEO & Co-Founder the company of interest limited